ตอนที่วิกฤติโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบต่อการค้าผลิตภัณฑ์จากการเกษตรเกือบทุกภาค
แม้กระนั้นไม่น่าเชื่อว่า แวดวงไก่ชนกลับตรงกันข้าม การขายกลับครึกโครม มียอดจำหน่ายมากขึ้นหลายเท่าตัว ในขณะที่ได้รับผลพวงจากบ่อนไก่ชนถูกปิด ตามมาตรการคุ้มครองไม่ให้ผู้คนมารวมตัวกัน“ตอนมีการระบาดคราวแรกๆพวกเราได้รับผลพวงเช่นกัน เฉพาะใน ตอน 2-3 เดือนแรก เนื่องจากว่าส่งออกลูกเจี๊ยบชนไปขายต่างแดนมิได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นในแถบอาเซียนด้วย ที่มีทั้งยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ภรรยานมาแม้กระนั้นการขายในบ้านพวกเรากลับตรงกันข้าม ยอดจำหน่ายไม่เคยตกมีแม้กระนั้นมากขึ้นสูงถึง 3 เท่าตัว จากแต่ก่อนในภาวการณ์ธรรมดา ฟาร์มของพวกเราจะขายได้อย่างยิ่งเพียงแค่วันละ 100 ตัว หรือเดือนละ 3,000 ตัว แต่ว่าเพียงพอมีวัววิดระบาด ยอดจำหน่ายกลับเพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 ตัว”นายพิษณุ หลักกรด ผู้ครอบครองฟาร์มไก่ชน สมีทองฟาร์ม บ้านช้างน้อย ตำบลช้างน้อย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชี้แจงถึงมูลเหตุที่ทำให้การค้าไก่ชนกลับกันไปแบบนี้…คงจะมาจากการระบาดของวัววิด-19 นำมาซึ่งการทำให้มีคนว่างงานจำนวนไม่ใช่น้อย แล้วก็ผู้ที่ไม่มีงานทำกลุ่มนี้จำต้องเดินทางกลับบ้านนอก กลับมาอยู่บ้านแล้วไม่รู้จักจะทำอะไร เลยหันมาเลี้ยงไก่ชนแทน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยเหตุว่าเป็นฝูงคนใช้แรงงานเป็นส่วนมาก ที่เพียงพอในพระนครไม่เปิดธุรกิจ ปิดร้านรวง ห้องอาหาร เลยจะต้องกลับมาบ้านที่ยังเพียงพอมีที่มีทางทำรับประทานอยู่ได้ ไม่อดตายแน่ส่วนสายพันธุ์ไก่ชนที่นิยมซื้อไปเลี้ยงกันในขณะนี้มี 2 สายพันธุ์หมายถึงไก่เมียนมาร์ สายพันธุ์ล่อรำวง กับไก่ไทย สายพันธุ์ป่าก๋อย