คนเลี้ยงไก่หลายๆท่านอาจจะเคยพบไก่ชนที่เลี้ยงไว้ จากที่หน้าแดงอยู่ดีๆก็หน้าซีด แล้วผ่านไปครู่หนึ่งใหญ่ก็หน้าแดงกลับมา แบบนี้ไก่เขามีลักษณะอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า
ซึ่งคำตอบก็แน่นอนว่า ไก่มีความผิดปกติอย่างแน่นอน ซึ่งสาเหตุของความผิดปกตินี้หลักๆแล้วก็อาจจะมีการเกิดจากสองสาเหตุนี้ หมายถึงเกิดจากไก่มีพยาธิในทางเดินอาหาร ไก่ที่มีอาการสักครู่หน้าซีดสักครู่หน้าแดงนั้น สาเหตุหนึ่งก็อาจจะเกิดจากที่ไก่เขามีพยาธิในระบบทางเดินอาหาร พยาธินี้บางทีก็อาจจะไปดูดกินสารอาหารต่างในร่างกายไก่แล้วทำให้เม็ดเลือดแดงของเขาน้อยลงจึงทำให้ไก่หน้าซีด วิธีแก้ไข ก็ยาฆ่าพยาธิสำหรับไก่
หากเป็นไก่ที่ปล่อยฝูงก็ให้ยาฆ่าพยาธิแบบผงมาโรยผสมกับของกินให้เขากิน หากเป็นไก่ที่ครอบสุ่มก็สามารถป้อนยาเม็ดได้เลย แต่ว่าไม่จำเป็นต้องถ่ายยาสักครู่ร่างกายไก่จะโทรมได้ และก็หลังจากที่ให้กินยาฆ่าพยาธิไปแล้ว ก็ควรจะให้ยาบำรุงเลือดให้กับเขาด้วยเพื่อเสริมสร้างเม็ดเลือดให้ดียิ่งขึ้น
เกิดขึ้นจากตับของไก่มีสภาวะไม่ปกติ การที่ไก่มีลักษณะหน้าซีดก็อาจจะมีการเกิดจากตับของเขามีปัญหาก็ได้ เพราะว่าตับมีบทบาทกรองสารต่างๆที่เข้ามาสู่ร่างกาย หากว่าตับมีการทำงานมากหรือดำเนินงานแตกต่างจากปกติก็จะมีผลออกมาทางร่างกาย
สารต่างๆที่ว่านี้ก็บางครั้งก็อาจจะเป็นพวกยาเลี้ยง ยาโด๊ปต่างๆที่พวกเราให้เขารับประทานในเวลาที่ไปตี หรือยาประเภทแก้อักเสบ แก้ปวดที่ให้เขาระหว่างชู ยิ่งตีลากหลายอันยาที่ให้ก็เยอะแยะและก็ตามด้วย เมื่อร่างกายเขาได้รับเข้าไปแล้วไม่อาจจะสลายได้รวมทั้งกำเนิดสะสมในตับ ก็เลยทำให้ตับทำงานมากขึ้นหรือบางทีก็อาจจะปฏิบัติงานไม่ดีเหมือนปกติไปจากเดิม
ก็เลยทำให้ร่างกายออกอาการออกมา ซึ่งพวกเราจะสามารถพินิจได้จากสีหน้าท่าทางของเขา แม้กระนั้นอาการอย่างนี้ก็มิได้เกิดขึ้นกับไก่ชนทุกตัว จะเป็นเฉพาะบางตัวที่ร่างกายอ่อนแอแค่นั้น
แนวทางแก้ไข เมื่อไก่เริ่มมีลักษณะอาการที่คาดว่าตับคงจะมีปัญหาก็ทดลองให้ยาวิตามินที่ช่วยสำหรับในการซับ หรือบางครั้งอาจจะเป็นอาหารเสริมหรือวิตามินที่บำรุงตับ ล้างพิษในตับ เอามาให้ไก่รับประทานต่อไปก็ปลดปล่อยให้ไก่ได้เดินในที่กว้างมีดินให้เขี่ยมีต้นหญ้าให้จิกรับประทาน อย่าขังเขาไว้แต่ว่าในสุ่มสิ่งเดียว แล้วไก่ก็จะเบาๆฟื้นกับมาแข็งแรงได้อีกรอบ
ต้นเหตุที่คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอาการไก่สักครู่หน้าซีดหน้าแดงพื้นฐานก็มีสองปัจจัยนี้ แต่ว่าถ้าว่าทดลองรักษาตามนี้แล้วไม่หายยังมีลักษณะอาการอยู่ก็บางทีอาจต้องหามูลเหตุกันใหม่ บางทีก็อาจจะจะต้องหารือสัตวแพทย์กันมอง แม้กระนั้นส่วนใหญ่แล้วหาเรื่องนั้นก็จะเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากสองอาการนี้
